Digital Nomad เป็นชนเผ่าใหม่ของโลกเหรอไง?

Digital Nomad แบบอ่านสั้นๆ

ผลของการพัฒนาเครือข่ายของอินเทอร์เน็ต และดิจิทัล เปรียบได้กับคลื่น 3 ลูก ที่ถาโถมเข้ามาหา ลูกแรกคือ infrastructure ต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดบริษัทอย่าง Microsoft, Apple, IBM, Cisco คลื่นลูกที่ 2 คือการใช้ประโยชน์จาก infrastructure เหล่านั้น ทำให้เกิดบริษัทอย่าง Google, Facebook, Amazon, Alibaba  ต่อไปจะเป็นคลื่นลูกที่ 3 เมื่ออินเตอร์เน็ตเข้าไปอยู่ในทุกสิ่งอย่าง (IOT : Internet Of Things)   นอกจากเปลี่ยนแปลงในวิธีการในการแข่งขัน และดำเนินธุรกิจแล้ว ยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิถีการทำงานของมนุษย์เรา เปิดโอกาสให้คนสามารถทำงานได้จากทุกมุมโลก ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพมุมมอง และทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบการทำงานประจำ ไม่ยึดติดกับสถานที่ และ office ในรูปแบบเดิมๆ  สามารถนั่งทำงานตาม ร้านกาแฟ ริมทะเล co-working space หรือที่ใดๆก็ได้ กลุ่มคนพวกนี้คือ “Digital Nomad”

Digital Nomad คือใคร ?

Digital Nomad ตามคำจำกัดความของ Wikipedia คือ กลุ่มคนที่สามารถใช้เทคโนโลยี่การสื่อสารต่างๆทำมาหาเลี้ยงชีพ เช่น ระบบ Cloud Computing ,เครื่องข่าย 5G, Wifi ,อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง  ข้ามประเทศไปทำงาน เช่น นักเขียน นักพัฒนาเว็บ หรือ แอพ นักการตลาด ผู้ดูแลสื่อสังคมออนไลน์ ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาชีพที่สามารถทำงานจากสถานที่ใดๆในโลกก็ได้ (ต้องมีอินเตอร์เน็ตด้วยนะ)  อาจจะนั่งทำงานในร้านกาแฟ , ห้องสมุด , co-working spaces ,ระหว่างเดินทาง  หรือ ชายทะเล ขอเพียงแค่ให้มีอินเตอร์เน็ต และ laptop เท่านั้น และมักจะดำเนินชีวิตในลักษณะเดินทางท่องเที่ยวไปด้วย  ซึ่ง Nomad มาจากคำว่า “nomadic” แปลว่าเพนจร  คนที่เป็น digital nomad มีได้หลากหลายอาขีพ อาจจะเป็น คนที่รีไทร์แล้ว หรือใกล้รีไทร์ เจ้าของธุรกิจ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่ยังหนุ่มสาว 

Digital Nomad เกิดขึ้นมาเมื่อใด และอย่างไร

Digital Nomad ตามคำจำกัดความของ Wikipedia คือ กลุ่มคนที่สามารถใช้เทคโนโลยี่การสื่อสารต่างๆทำมาหาเลี้ยงชีพ เช่น ระบบ Cloud Computing ,เครื่องข่าย 5G, Wifi ,อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง  ข้ามประเทศไปทำงาน เช่น นักเขียน นักพัฒนาเว็บ หรือ แอพ นักการตลาด ผู้ดูแลสื่อสังคมออนไลน์ ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาชีพที่สามารถทำงานจากสถานที่ใดๆในโลกก็ได้ (ต้องมีอินเตอร์เน็ตด้วยนะ)  อาจจะนั่งทำงานในร้านกาแฟ , ห้องสมุด , co-working spaces ,ระหว่างเดินทาง  หรือ ชายทะเล ขอเพียงแค่ให้มีอินเตอร์เน็ต และ laptop เท่านั้น และมักจะดำเนินชีวิตในลักษณะเดินทางท่องเที่ยวไปด้วย  ซึ่ง Nomad มาจากคำว่า “nomadic” ซึ่งแปลว่าเพนจร  คนที่เป็น digital nomad มีได้หลากหลายอาขีพ อาจจะเป็น คนที่รีไทร์แล้ว หรือใกล้รีไทร์ เจ้าของธุรกิจ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่ยังหนุ่มสาว 

เครื่องมือทำมาหากินของ Digital Nomad

แน่นอนว่า สิ่งที่เป็นเครื่องมือของพวกเขาทั้งหมดต้องเป็น Digital  อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง, Wifi , เครือข่ายไร้สาย 5G , ระบบ Cloud Computing , Remote App ต่างๆ

อะไรจะเกิดขึ้น ถ้ามี Digital Nomad มากขึ้นในอนาคต

โดยส่วนใหญ่ตอนนี้ พวก digital nomad ส่วนใหญ่มักจะเป็น พวกสาย IT ,Design ยังไม่ขยายตัวสู่สายวิชาชีพอื่นๆ มากนัก ถ้ามองในแง่สังคมศาสตร์แล้ว ไม่แน่ว่าต่อไปถ้ามีชนเผ่าพวกนี้เยอะขึ้นอาจจะเป็นตัวแทนของ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การเคลื่อนย้ายความรู้  เนื่องจากพวกนี้เป็นนักเดินทาง มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยน

การถ่ายทอดความรู้

John Maeda อดีตอาจารย์จาก MIT และอดีตคณบดีของคณะออกแบบ มหาวิทยาลัย Rhode Island ให้ความเห็นว่า การทำงานทางไกลแบบ Digital Nomad ช่วยปรับเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้มีการทำงานเชิงถ่ายทอดองค์ความรู้ แทนการพึ่งพากำลังแรงงานที่หาได้เฉพาะในพื้นที่เท่านั้น

ธุรกิจเกี่ยวกับที่พัก อาหาร บริการ น่าจะดี

การเตรียมธุรกิจบริการ “เข้าถึง” กลุ่มนี้ จึงเป็นโอกาสสร้างรายได้ใหม่ๆ ด้วยจุดเด่นเรื่องระยะเวลาเข้าพักเฉลี่ยที่สูงกว่ากลุ่มท่องเที่ยวทั่วไปได้มากกว่าเท่าตัว หรืออาจจะยืนระยะยาวได้เป็นปีก็ได้ ไม่ต้องเผชิญความผันผวนเปราะบางเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป   ตอนนี้ก็มีหลายเมืองที่กำลังรองรับพนักงานเหล่านี้ ได้แก่ เมือง Ubud บนเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย และจังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทย

ผลกระทบของแรงงานท้องถิ่น

Digital Nomad มีศักยภาพท่ามกลางการแข่งขันในตลาดท้องถิ่น และในระดับโลกที่เข้มข้นขึ้น เพราะสามารถผลิตสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ผู้คนทั้งในและต่างประเทศได้นักการตลาดและนักกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ อย่าง Phil เชื่อมั่นว่า การได้เปิดหูเปิดตาในหลากหลายพื้นที่ ทำให้เขาได้รู้จักการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลก และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของเขาได้นั่นเอง ดังนั้นแรงงานในตลาดท้องถิ่นต้องเตรียมตัวเพื่อการแข่งขันไว้เสมอ

Digital Nomad นั้นอนาคตสวยหรูมั๊ยล่ะ

ถ้าพูดถึงชีวิตของ Digital nomad ที่ไม่ได้เป็น entrepreneur , Startup, Developer ระดับเทพ  มันก็ไม่ได้สวยหรูเหมือนในจินตนาการเสมอไปนะครับ ปัจจัยที่สำคัญคือ รายได้ที่จะหาได้จากการทำงานในลักษณะนี้จะต้องมากเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ต้องมีเงินออม และอาจจะต้องมีพ่อแม่เป็นแบ็คอั๊พให้ก่อนด้วย ดังนั้นถ้าอยากจะเป็น Digital Nomad กับเขา ก็ต้องอย่าลืมเรื่องนี้ด้วยนะครับ

Digital Nomad ชอบพเนจรไปที่ใด

ประเทศไทยรวมทั้งประเทศอื่นๆ ในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสวรรค์ของเหล่า Digital nomad จากทั่วโลก ด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าครองชีพไม่สูง แหล่งวัฒนธรรม ท่องเที่ยว การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ความเป็นมิตรของผู้คน ความปลอดภัย และอาจจะรวมถึงการมี Connection สำหรับต่อยอดงานใหม่ในอนาคตด้วย  แต่เนื่องจากประเทศไทยนั้นประกอบด้วยบรรยากาศที่หลากหลายทั้งหาดทราย ภูเขา วัฒนธรรม รวมถึงความเป็นเมืองใหญ่ จังหวัดท่องเที่ยวชั้นนำของไทย เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของเหล่า Digital nomad ทั้งหลาย นอกจากนี้แนวโน้มความเร็วอินเทอร์เน็ตของไทยก็พัฒนาขึ้นด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รวดเร็วมากเหมือนกับบางประเทศอย่าง เช่น เกาหลีใต้ หรือ ฮ่องกง แต่ก็มีความเร็วในระดับที่ใช้ได้ โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนที่สำคัญ

อ้างอิง :
https://www.voanews.com/silicon-valley-technology/digital-nomads-work-remotely-anywhere
https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้เร่ร่อนดิจิทัล
https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/digital-nomad-trend.html
https://www.prachachat.net/spinoff/culture/news-14297

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *